1. เปลือกหมวกผลิตจากวัสดุ ABS มีคุณสมบัติแข็ง เหนียว มีความคงทนต่อแรงกระแทก การเจาะ แรงบีบ และกระแสไฟฟ้า ตามมาตรฐานของ มอก.

2. ชุดรองใน ประกอบด้วยชิ้นส่วนและอุปกรณ์ดังนี้

- สายคาดศีรษะ ผลิตจากวัสดุ PE-PVC มีคุณสมบัติเหนียวนิ่ม มีความคงทนแรงกระแทก และสายทนต่อการฉีกขาด ปรับขนาด ได้จาก 500 มม. ถึง 650 มม. (มาตรฐาน มอก.520-640 มม.)

- ตัวยึดเปลือกหมวก ผลิตจากวัสดุ PE ที่มีคุณสมบัติแข็งเหนียว และมีความยืดหยุ่นได้ดี

- สายไนล่อน ผลิตจากวัสดุไนล่อน ขนาดกว้าง 22 ม. หนา 1 มม. คุณสมบัติอ่อนตัว และนิ่มเหนียวมีความคงทนต่อการกระแทกจาก เปลือกหมวกได้ดี แถบซับเหงื่อ ผลิตจากวัสดุผ้าใบ เคลือบด้วยสาร PVC มีคุณสมบัติอ่อนเหนียวนุ่ม มีความคงทนไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง และทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เหงื่อไหลลงมาสู่ใบหน้า

3. สายรัดคาง ผลิตจากวัสดุ ELASTIC คุณภาพสูง ความกว้าง 20 มม. ปรับความยาวตามขนาดของผู้สวมใส่ ตะขอเกี่ยวผลิตจากวัสดุ HDPE มีคุณสมบัติแข็งเหนียว

มี 8 สี ได้แก่ สีขาว, สีเหลือง, สีส้ม, สีน้ำเงิน, สีฟ้า, สีแดง, สีเขียว

การทดสอบคุณภาพหมวกนิรภัย

การทดสอบแรงกระแทก (IMPACT TEST)

- ทนแรงกระแทกจากน้ำหนักลูกบอลเหล็ก 5 กก. จากความสูง 1 เมตร ในแนวดิ่งลงมาสู่หมวก และหมวกจะไม่เกิดการแตกร้าว

การทดสอบการเจาะ (PENETRATION TEST)

- ทนแรงเจาะจากน้ำหนักเหล็กปลายแหลม 35 องศา เหล็กน้ำหนัก 3 กก. จากความสูง 1 เมตร ในแนวดิ่ง โดยทิ้งลงมาสู่หมวกและหมวก จะไม่เกิดทะลุเสียหาย

การทดสอบแรงบีบ (STIFFNESS TEST)

- ทนแรงบีบจากด้านทั้ง 2 ด้านโดยใช้แรงบีบที่ 90 กก. เป็นระยะ เวลา 8-10 นาที หมวกจะยุบตัวได้ไม่เกิน 15 มม.

การทดสอบกระแสไฟฟ้า (HIGH VOLTAGE TEST)

- CLASS A : ต้านทานกระแสไฟฟ้า 20 มิลลิแอมแปร์ ที่ 2,200 โวลต์ ที่ความถี่ 50 เฮิรตซ์

- CLASS B : ต้านทานกระแสไฟฟ้า 20 มิลลิแอมแปร์ ที่ 20,000 โวลต์ ที่ความถี่ 50 เฮิรตซ์

ข้อแนะนำการใช้งาน :

- ก่อนใช้หมวกนิรภัยทุกครั้ง ควรตรวจก่อนว่ามีการชำรุดเสียหาย ของหมวกหรือไม่

- อย่านำหมวกนิรภัยที่ชำรุดเสียหายมาใช้งาน

- ชิ้นส่วนของหมวกนิรภัย เช่น รองใน หรือสายรัดคาง ควรเปลี่ยน ทุก 6-12 เดือน